Site icon takthainews.com

PCC โชว์กำไรไตรมาส 2 โตเฉียด 80% ก่อนเข้าเทรดครั้งแรก 21 ต.ค.65

“พรีไซซ” หรือ PCC โชว์กำไรงวดไตรมาส 2/65 โตเฉียด 80% ก่อนเข้าซื้อขายครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์ 21 ต.ค.65 หลังขายหุ้นไอพีโอเกลี้ยง 307 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4 บาท

บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2 สิ้นสุด 30 มิ.ย.2565 มีกำไรสุทธิ 55.93 ล้านบาท หรือ 0.061 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 51.86 ล้านบาท หรือ 0.56 บาทต่อหุ้น

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 120.19 ล้านบาท หรือ 0.131 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 66.79 ล้านบาท หรือ 0.073 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 79.90%

ทั้งนี้ PCC เปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 307 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1.00 บาทต่อหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท ระหว่างวันที่ 10-12 ต.ค.2565 ที่ผ่านมา และเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค

PCC นับเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ที่พร้อมเข้าจดทะเบียน SET โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้างานบริหารโครงการ งานบริการงานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าทั้งแรงต่ำและแรงสูงขนาดไม่เกิน 115 kv และระบบบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ สัดส่วนรายได้ 40%

2) กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง พร้อมผลิตติดตั้งระบบควบคุมสำหรับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ และผลิตมิเตอร์อัจฉริยะ (Intelligent Grid) สัดส่วนรายได้ราว 44%

และ 3) กลุ่มธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และผลิตเชื้อเพลิงจากพืชพลังงาน (Renewable Energy) สัดส่วนรายได้ 11% และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 4%

PCC มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองตามกฎหมายของแต่ละปี ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงไปจากอัตราที่กำหนดไว้ โดยขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน สถานฐานะการเงิน แผนขยายงานในอนาคต และความเหมาะสมอื่น ๆ ที่ทางคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร

ทั้งนี้ บริษัทจะมีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ ครอบครัวสัมฤทธิ์ ถือหุ้น 20.14% ครอบครัวณัฐชยางกุล ถือหุ้น 12.62% ครอบครัวเสนีย์มโนมัย ถือหุ้น 7.27% ครอบครัวจุฬานุตรกุล ถือหุ้น 6.17% และครอบครัวลิขิตสินโสภณ ถือหุ้น 5.18%

Exit mobile version