“ฮาบิแททฯ” ผนึกแลนด์ลอร์ดชลบุรี-พัทยา บุกแนวราบครั้งแรกรับเมืองใหม่อัจฉริยะ EEC

เรื่องที่น่าสนใจ

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” เซอร์ไพรส์ จับมือหนึ่งในแลนด์ลอร์ดรายใหญ่ชลบุรี-พัทยา ตั้งบริษัทร่วมทุนลุยพัฒนาโครงการแนวราบครั้งแรก ภายใต้แบรนด์ใหม่ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” โชว์คอนเซ็ปต์ “เวเคชัน พูลวิลล่า” มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ไทย-ต่างชาติ เพื่อซื้อบ้านหลังที่ 2 แทนการเช่า ด้านผู้ร่วมทุน “รัฐกิจ เฮงตระกูล” ระบุจุดมุ่งหมายสร้างชื่อในธุรกิจอสังหาฯ เผยแปลงร่วมทุน ‘ห้วยใหญ่’ อยู่ในทำเลศักยภาพสูง และอยู่ในเป้าหมายโครงการรัฐ ปั้นศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะกว่า 1.4 หมื่นไร่

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เปิดเผยถึงแผนการลงทุนและกลยุทธ์ธุรกิจครั้งสำคัญในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ จากเดิมที่เน้นโปรดักต์กลุ่มไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนต์ (Lifestyle Investment) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มนิช มาร์เกต (Niche Market) ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเป็นหลัก มาสู่แผนการสร้างโอกาสใหม่ๆ ขยายไปในตลาดแนวราบเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นตลาดเรียลดีมานด์ที่มีขนาดใหญ่ และมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง

นอกจากด้านดีมานด์แล้ว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังพบว่า โควิด-19 ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคและนักลงทุนมีมุมมองต่อการซื้อที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป โดยคาดหวังถึงที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้างมากขึ้น สามารถรองรับกิจกรรมของครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นรูปแบบของการอยู่อาศัยพร้อมท่องเที่ยวและพักผ่อนที่เป็นเทรนด์การใช้ชีวิตและทำงานของคนยุคใหม่ “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” หรือ Work from Anywhere จากปัจจัยดังกล่าวนำมาสู่การปรับแผนธุรกิจในครั้งนี้ และเชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

“จากเดิมที่เราโฟกัสการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อลงทุน แต่วิกฤตโควิดที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ หันมาสนใจตลาดแนวราบและหวังสร้างบาลานซ์ พอร์ต เพื่อจัดการบริหารความเสี่ยงอีกด้วย อีกทั้งจากการทำงานที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดโครงการพูล วิลล่ามาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ เดอะ วิลล์ จอมเทียน และครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ จึงมีความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี และพร้อมจะนำความแข็งแกร่งในจุดนี้ไปต่อยอดกับตลาดแนวราบต่อไป” นายชนินทร์ กล่าว

โดยรูปแบบการลงทุนโครงการแนวราบใหม่ในครั้งนี้ เป็นโมเดลร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดรายใหญ่ในพื้นที่ “ชลบุรี-พัทยา” จัดตั้งในนามบริษัท ฮาบิแทท วิลล่า จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” ร่วมกัน โดยมีสัดส่วนฮาบิแทท กรุ๊ป ถือหุ้น 70% และอีก 30% เป็นของนายรัฐกิจ เฮงตระกูล เจ้าของที่ดินดังกล่าว

 

“ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า” โครงการพูล วิลล่า สไตล์โมเดิร์น มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 51 ไร่ โดยจะเริ่มพัฒนาเฟสแรก จำนวน 65 หลัง มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้าน 2 แบบ ได้แก่ โรสวูด แกรนด์ วิลล่า ขนาดเนื้อที่ใหญ่เริ่มต้น 76-152 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 375 ตารางเมตร (ตร.ม.) พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้านทุกหลัง ในราคา 13-15 ล้านบาท และแบบแคสเซีย พูล วิลล่า ขนาดเนื้อที่เริ่มต้น 61-122 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน 282 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้นที่ 8-12 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาที่กำหนดไว้ในแต่ละแบบระหว่ง 8-15 ล้านบาท เป็นราคาที่เหมาะสมกับตลาด และตอบโจทย์ลูกค้าได้ ลูกค้าต่างชาติที่ซื้อสามารถปล่อยเช่าและได้รับผลตอบแทน (ยิลด์) ในอัตราที่สูง

โครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลระดับพรีเมียมบริเวณห้วยใหญ่ มองเห็นวิวภูเขาที่สวยงาม โดยจะเริ่มเปิดขาย VVIP ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้ เจาะกลุ่มเป้าหมายที่มาจากกรุงเทพฯ 70% ในช่วงอายุ 30-50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัว และอีก 30% เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และวัยเริ่มเกษียณ ที่มองหาพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อทั้งเพื่ออยู่เองและปล่อยเช่าในระยะยาว จากนั้นจะรอดูผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าก่อนจะเปิดในส่วนของเฟส 2 อีก 100 หลัง มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทต่อไป

 

“รัฐกิจ เฮงตระกูล” แจงร่วมทุน พัฒนารับ ‘เมืองคู่แฝด EEC’ สร้างชื่อในวงการอสังหา

ด้าน นายรัฐกิจ เฮงตระกูล ผู้ร่วมทุนโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” กล่าวเป็นครั้งแรกว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัวดำเนินธุรกิจธุรกิจบ้านจัดสรรมากว่า 10 ปี ภายใต้แบรนด์ “พัทยา ปาร์ค ฮิลล์” และ “วรรณสิริ” ราค 2-3 แสนบาทต่อยูนิต ปัจจุบันได้มาจับตลาดระดับราคา 1-2 ล้านบาท รวมไปถึงการซื้อที่ดินเข้าเพิ่มเติม แม้ว่าปัจจุบันทางครอบครัวทั้งของคุณพ่อ (ชาญยุทธ เฮงตระกูล) และคุณแม่ จะมีที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) อยู่ในจังหวัดชลบุรี รวมไม่ต่ำกว่า 20 แปลง ขนาดเนื้อที่ 10-20 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองติดถนนสุขุมวิท และที่ดินซื้อมานานไม่ต่ำกว่า 40 ปี ราคาต่อไร่ประมาณ 40,000 บาท ปัจจุบันบางแปลงราคาไปถึง 100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีที่ดินในจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดพิจิตร เป็นต้น

“เราอยากทำโครงการอสังหาฯ ระดับพรีเมียม จะว่าเป็นการสร้างชื่อก็ไม่ผิด มีเหตุผลที่พูดคุยกับฮาบิแทท เพราะมีความประทับใจในผลงานการพัฒนาโครงการในพื้นที่พัทยาที่ผ่านมา โดยแปลงร่วมทุนกับทางบริษัทฮาบิแททฯ ถือเป็นแปลงที่มีศักยภาพอันดับท้ายๆ ของที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ แต่เป็นแปลงที่มีอนาคต เพราะอยู่ใน ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการของรัฐบาลที่จะสร้างเมืองคู่แฝดอีอีซี ภายใต้ชื่อโครงการศูนย์ธุรกิจอีอีซี และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ ที่ขณะนี้ภาครัฐได้นำที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เนื้อที่ 14,619 ไร่ มาพัฒนา ส่งผลให้โครงการเมืองคู่แฝดอีอีซีจะมีมูลค่าสูงถึง 1.34 ล้านล้ารบาท ยิ่งจะช่วยสร้างมูลค่าให้โครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” นายรัฐกิจ กล่าว

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่พัทยา มีความต้องการซื้อในหลายเซกเมนต์ และโครงการในรูปแบบวิลล่า เป็นอีกเซกเมนต์ที่มีดีมานด์สูง สำหรับทั้งการท่องเที่ยวและพักผ่อน รวมทั้งซื้อไว้เพื่อการลงทุนในระยะยาว โดยมีความสนใจจากผู้ซื้อทั้งนักธุรกิจในพื้นที่ ชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโซนอีอีซี เป็นระดับผู้บริหารที่ต้องการซื้อแทนเช่า และชาวไทยที่อยู่กรุงเทพฯ เพราะการเดินทางที่สะดวกและใช้เวลาในช่วงสั้นๆ จากกรุงเทพฯ มาพัทยา และสุดท้ายกลุ่มต่างชาติ ที่นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพบว่าแนวโน้มเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จึงมองว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาและเปิดขายโครงการบนทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ในช่วงจังหวะนี้

ขณะที่ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย วิเคราะห์ถึงตลาดพูลวิลล่าในพื้นที่พัทยา ระดับราคาขาย 8-15 ล้านบาท นับเป็นตลาดที่เติบโตและได้รับความสนใจทั้งจากผู้พัฒนาและกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 มีโครงการพูลวิลล่าเปิดขาย 13 โครงการ รวม 404 ยูนิต ซึ่งในจำนวนนี้ขายไปแล้ว 295 ยูนิต หรือคิดเป็น 73% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขายทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโดยผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ และเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีจำนวนยูนิตขายน้อย

“การปรับแผนธุรกิจใหม่จากโครงการคอนโดฯ มาสู่แนวราบ เป็นอีกก้าวที่สำคัญในการยกระดับการทำงานและบาลานซ์ธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และบริหารจัดการความเสี่ยงที่นำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน” นายชนินทร์ กล่าว